Archive | 1:07 pm

มาดูกันว่าโจรเข้าไปในรถเราได้ อย่างไร

28 พ.ย.

ก่อนอื่นเลย มาดูว่าโจร เข้าไปในรถเราได้อย่างไร

โจรต้องหาวิธีเข้าไปภายในรถยนต์ของเราให้ได้ก่อน

ปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายวิธีได้แก่

1 กุญแจปลอม

                                ถ้าคนร้ายมีกุญแจเหมือนกับเรา ก็เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของรถนั่นเอง วิธีการที่ผู้ร้ายจะได้กุญแจปลอมนั้นได้แก่ การแอบปั้มกุญแจเช่นเวลาที่เรานำรถไปจอดซ่อม ล้างอัดฉีด ซื้อรถจากโชว์รูม เต็นท์ขายรถมือสอง จากเจ้าของเก่าที่ไว้ใจไม่ได้ หรือที่นิยมสมัยนี้คือการติดต่อซื้อรถทางอินเตอร์เน็ต แล้วแอบมาปั้มลูกกุญแจเวลาเจ้าของเผลอ ซึ่งคนร้ายจะติดตามมาถึงบ้าน และที่จอดรถประจำเพื่อโขมย

2 เหล็กแข็งแทนกุญแจ

                             คนร้ายจะใช้เหล็กขนาดเท่ากุญแจรถแต่เป็นเหล็กแข็ง ส่วนมากจะดัดแปลงมาจากประแจหกเหลี่ยมมุมฉากสแตนเลสที่มีความแข็ง ตีเข้าที่รูกุญแจแล้วใช้แรงบิดจนชุดฟันเฟืองเสียหาย และหมุนจนตัวล็อคเปิดออก เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนร้ายชอบใช้กัน

3 ใช้ลวดแข็งเกี่ยวตัวล็อคประตู

                            ถ้าใครเคยลืมกุญแจไว้ในรถแล้วเรียกช่างมาปลดล็อคกุญแจจะเคยเห็นว่า ช่างจะใช้ลวดเชื่อมยาวๆเบอร์แข็งๆ ดัดทำเป็นตัวยู งัดยางรีดน้ำประตูออก และใช้ลวดแยงเข้าไปให้ตะขอเกี่ยวกับปุ่มกดล็อคให้เด้งขึ้น เสมือนมีคนอยู่ในรถแล้วดึงปุ่มเปิดประตูขึ้น หรือใช้ฟุตเหล็กแยงให้ตรงกับคันชักกลอนประตูให้เด้งลง หรือใช้ลดแยงทางมือเปิดประตูเพื่อมาดันตัวกดล็อกให้เด้งขึ้น วิธีนี้ถ้าช่างที่มีความชำนาญจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

 

4 งัดประตูหูช้าง

                           พวกรถกระบะแค็บที่มีประตูหูช้าง โจรจะใช้ลวดแข็งมากๆงอเป็นตัวยู สอดเข้าไประหว่างกระจกแค็ปแล้วงัดแรงๆ กระจกจะเปิดออก แล้วจะงัดตัวล็อคให้หัก ใช้มือเอื้อมมาเปิดตัวล็อคประตู บางคนคิดว่ากระจกบานนี้น่าจะแข็งแรงแต่ถ้าคุณลองงัดดู จะต้องเปลี่ยนใจว่า มันไม่ยากอย่างที่คิด

5.ใช้น้ำกรด

                          โจรจะใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยา หยดไปตามรูกุญแจเพื่อทำลายชุดฟันเฟือง และสปริงเล็กๆในแม่กุญแจ แบบนี้ยังนำมาใช้ภายในรถพวกล็อคพวงมาลัย ล็อคเกียร และล็อคครัชได้อีกด้วย

 6. ทุบกระจกประตูหรือกระจกหูช้าง

                         โจรจะใช้เหล็กแหลมคม ค่อยๆกะเทาะกระจกจนเกิดรอยร้าว ใช้ผ้าปิดป้องกันเสียง จนกระจกแตกออกทั้งบาน ใช้มือล้วงเปิดตัวล็อคกุญแจออก คราวนี้ก็ถือเป็นการง่ายแล้วถ้าจะเข้าไปในรถของท่าน

7. ช็อตวงจรไฟฟ้า

                บางท่านคิดว่าใช้กุญแจรีโมตแล้วปลอดภัยแน่ แต่จริงๆแล้วกลับง่ายต่อการต่อรัดวงจรไฟฟ้า เช่นวงจรไฟเลี้ยว ในชุดรีโมตแบบธรรมดา หรือถ้าเป็นรถยุโรปด้วยแล้วกลับเป็นเรื่องง่าย ตัวล็อคจะเด้งหลุดทันที

 

8. จูนสัญญาณจากรีโมต

                             เวลาจอดรถในห้างสรรพสินค้าพอเรากดรีโมตล็อคปุ๊ป คนร้ายก็จะมีเครื่องมือมาจับความถี่สัญญาณ แล้วหาก็อปปี้ความถี่มาใช้ยิงเปิดประตูได้เลย แบบนี้ถือว่าเป็นระบบที่อันตรายมาก

9. ยกรถ

บางครั้งแล้วคนร้ายอาจใช้วิธีเอารถยกมายกไปเลย แบบนี้อย่าคิดว่าขำครับ เป็นวิธีที่โจรบางพวกนิยมใช้กัน เมื่อยกรถแล้วจะหาทางเข้าที่เปลี่ยวๆ แล้วปลดล็อคต่างๆกันต่อไป

10. จี้หรือปล้น

อย่างที่เคยได้ยินกันตามหน้าหนังสือพิมพ์นี่หละครับ เช่นการวางเรือใบ ดักซุ่มในที่เปลี่ยว ล่อลวงต่างๆ แต่ที่เห็นเป็นประเด็นร้อนอย่างการลวงซื้อรถทางอินเตอร์เน็ต แล้วขอนัดดูในที่เปลี่ยว แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้มาขอซื้อรถหรอกครับ แต่อาจจะขอไปใช้กันฟรีๆเลยก็ได้

 

เราสามารถทำ Neurobic Exercise ได้อย่างไร

28 พ.ย.

เราสามารถทำ Neurobic Exercise ได้อย่างไร

1.พยายามใช้ประสาทสัมผัสของคุณอย่างน้อยหนึ่งอย่างในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น
-ลองใส่เสื้อผ้าโดยไม่ลืมตา
– สระผมโดยไม่ลืมตา
-ใช้สายตาและท่าทางในการสื่อสารแทนการใช้คำพูดบนโต๊ะอาหาร

2.ลองใช้ประสาทสัมผัสสองอย่างให้ทำงานร่วมกัน เช่น
-ฟังเพลงและสูดดมกลิ่นของดอกไม้ไปพร้อม ๆ กัน
-ฟังเสียงฝนตกพร้อมกับเคาะนิ้วมือ
-จ้องมองก้อนเมฆและปั้นดินน้ำมันไปพร้อม ๆ กัน

3. เปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เช่น
– เดินทางไปทำงานด้วยเส้นทางใหม่
– ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดในการรับประทานอาหาร
– ลองช้อปปิ้งในร้านใหม่ที่ไม่เคยเข้า

4.คุณสามารถบริหารสมองด้วย Neurobic Exercise ได้ทุกที่ ทุกวัน เช่น
กิจวัตรประจำวัน
-แปรงฟันด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
– เปลี่ยนแปลงลำดับเวลาในการทำกิจวัตร เช่น
เดิมอาบน้ำก่อนรับประทานอาหาร ก็เปลี่ยนเป็นรับประทานอาหารก่อนอาบน้ำ

5.ที่ทำงาน
– สลับตำแหน่งสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะทำงาน
– โทรไปหาเบอร์ประจำโดยสูดดมกลิ่นหอม เช่น สูดดมกลิ่นส้มก่อนโทรหาเจ้านาย

6.ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและตลาดสด
-หลับตา, สูดกลิ่น แล้วลองทายดูว่าเป็นผลไม้ชนิดไหน, ขนมยี่ห้ออะไร
– ลองหยิบสินค้าชนิดใหม่ ๆ มาดูรายละเอียด

คุณอยากมีอาการหัวใสคิดอะไรปิ๊ง ปิ๊ง” ตอนทำงานทุกครั้งหรือเปล่า ?
จริง ๆ แล้วไม่มีใครอยากบื้อไบ้รับประทานหรอก เวลาเจอโจทย์ยาก ๆ หรือแม้แต่คำถามง่าย ๆ
อย่างนี้เราลองมาบริหารสมองกันดูซิว่าจะได้ผลตามที่คาดหวังหรือเปล่า

พึงระลึกเสมอว่า  การออกกำลังกายสมอง  ไม่สามารถทำให้สมองของคุณเหมือนสมองคนอายุ 20 ปี  แต่ทำให้การทำงานของสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เปรียบเสมือนคุณออกกำลังกาย ไม่สามารถทำให้คุณเป็นหนุ่มสาวขึ้น  แต่ทำให้ร่างกายคุณแข็งแรง  ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้

 

Neurobics คืออะไร

28 พ.ย.

Neurobics คืออะไร

                             Neurobic (นิวโรบิคส์) คือ ระบบอย่างหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับการบริหารสมองโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ร่วมกับอารมณ์ความรู้สึกในการทำกิจวัตรประจำวันรูปแบบใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นเซลล์สมองให้มีสุขภาพดี คิดค้นขึ้นโดยศาสตราจารย์ลอว์เรนซ์ ซี คาทซ์, (Lawrence C. Katz, Ph.D) ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยดุค ประเทศสหรัฐอเมริกา

เดิมมีความเชื่อว่าเมื่อสมองพัฒนาสมบูรณ์จะถูกใช้งานไปเรื่อย ๆ จนล่วงเข้าวัยผู้ใหญ่เซลล์สมองจะลดลง และไม่สร้างขึ้นใหม่ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคสมองเสื่อมในวัยชรา แต่ปัจจุบันค้นพบแล้วว่าหากรู้จักใช้สมองอย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นถูกวิธี เซลล์ประสาทจะแตกแขนงทดแทนส่วนที่ศูนย์เสียไป ความจำจึงดีได้แม้อายุมากขึ้นแล้วก็ตาม

สมองของมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ประสาทมากมาย  แต่ละเซลล์ประสาทจะมีแขนงออกจากตัวเซลล์  ซึ่งแขนงเหล่านี้ทำหน้าที่ในการรับและส่งสัญญาณประสาทไปยังเซลล์ต่าง ๆ รอบ ๆ เซลล์ประสาทเพื่อให้การทำงานของสมองเป็นไปตามปกติ 

โดยปกติ  มนุษย์มีการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทจนถึงอายุ 5-6 ปี  หลังจากนี้จะไม่มีการเพิ่มจำนวนของเซลล์ประสาท  แต่สามารถเพิ่มจำนวนของแขนงเซลล์ประสาทได้ไปตลอดชีวิต  ทำให้มีการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทมากขึ้น  ซึ่งการเพิ่มจำนวนของแขนงเซลล์ประสาทนั้นเกิดขึ้นจากการเรียนรู้  ถ้าเรามีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น  ก็จะมีการแตกแขนงของเซลล์ประสาทมากขึ้นไปจนตลอดอายุขัย   เปรียบเซลล์ประสาทเหมือนต้นไม้  ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งมีการแตกกิ่งก้านสาขามากขึ้น   ดังนั้น  ถ้าเรามีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา  ไม่ทำอะไรซ้ำซาก  จะเป็นการกระตุ้นให้สมองมีการแตกกิ่งก้านสาขาเพิ่มขึ้น  การทำงานของสมองจะดีขึ้น  ไม่เสื่อมถอย  เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นจำนวนเซลล์ประสาทจะลดลง  ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีก 

 การที่จะทำให้สมองทำงานได้ตามปกติจึงจำเป็นที่จะต้องฝึกสมองให้มีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา  นำไปสู่ทฤษฎีการออกกำลังกายสมอง  หรือ  Neurobic  Exercise   ซึ่งนักชีวประสาทวิทยาชาวสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบวิธีการออกกำลังกายสมอง  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง  การฝึกทักษะสมองนี้ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ด้วยการขยับกล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วน มาประยุกต์กลายเป็นวิธีบริหารสมองที่ใช้ประสาทสัมผัสไปกระตุ้นกล้ามเนื้อสมองหลาย ๆ ส่วนให้ขยับและตื่นตัว ทำให้แขนงเซลล์ประสาทแตกกิ่งก้านสาขา เซลล์สมองสื่อสารกันมากขึ้น เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ สมองแข็งแรงขึ้น

ยิ่งใช้ชีวิตแบบเดิมมากเท่าไร สมองก็ไม่ได้ใช้งานมากเท่านั้น เพราะสมองจดจำรูปแบบพฤติกรรมได้แล้ว เช่น ถ้าคุณขับรถไปทำงานตามเส้นทางที่คุ้นเคยทุกวัน สมองจะใช้ประสาทส่วนเดิม อาจทำให้เซลล์ประสาทบริเวณนั้นแข็งแรง แต่ก็ลดทอนประสิทธิภาพของเซลล์ประสาทส่วนอื่น (เพราะไม่ได้ออกกำลังคิด) ถ้าลองเปลี่ยนเส้นทางไปทำงาน คุณจะรู้สึกตื่นเต้นในการจดจำเส้นทาง ผู้คนหรือร้านค้าที่ขับผ่าน

และเชื่อเถอะว่าขณะนั้นสมองหลายส่วนกำลังมีกิจกรรมร่วมกัน ทำงานประสานกันเต็มที่ เพื่อเชื่อมโยงเซลล์ประสาทส่วนอื่นรูปแบบใหม่ มีการหลั่งสาร “นิวโรโทฟินส์” ซึ่งเป็นอาหารสมองมากขึ้น เซลล์สมองแข็งแรงขึ้น ตามหลักนิวโรบิคส์สมองจึงโหยหาประสบการณ์แปลกใหม่เหนือการคาดหมาย เพื่อการเติบโตนั่นเอง

นิวโรบิคส์ สามารถทำได้ทุกที่, ทุกเวลาในรูปแบบที่สนุก และง่ายต่อการปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและ การส่งต่อทางกระแสประสาทที่ไม่ค่อยได้ใช้งานให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้สมองของคุณแจ่มใสและแคล่วคล่องว่องไวขึ้น  

นิวโรบิคส์ (Neurobic)

28 พ.ย.

นิวโรบิคส์ (Neurobic)

นิวโรบิคส์ (Neurobic): ศาสตร์ใหม่บริหารสมองให้แข็งแรง 

คุณเคยลืมกุญแจรถ  กระเป๋าสตางค์  แว่นตา  หรือโทรศัพท์มือถือหรือไม่
 
คุณขับรถบนทางด่วนแล้วขับเลยทางลงหรือเปล่า  จอดรถในที่จอดแล้วหารถไม่เจอ 
หรือจำชื่อเพื่อนสนิทไม่ได้  ไปจ่ายตลาดแล้วจำไม่ได้ว่าจะซื้ออะไร 
คุณคงคิดว่าคุณอายุมากความจำไม่ดี    มีความผิดปกติในสมองของคุณแล้วใช่ไหม 
จริง ๆ แล้ว  คุณอาจจะปกติอยู่ก็ได้…

อากาศร้อน นอกจากสมองจะล้า บางครั้งยังทำให้ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ลดน้อยลง “นิวโรบิคส์” โปรแกรมบริหารเซลล์สมองให้ตื่นตัว สดชื่น มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ เสมือนการฝึกยิมนาสติกให้กับสมอง การหลีกหนีความจำเจเป็นแก่นแท้ของแนวคิดนิวโรบิคส์ เพราะการทำอะไรแบบเดิมซ้ำ ๆ จะทำให้สมองเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายได้ ฉะนั้นจึงควรแสวงหาอะไรใหม่ ๆ ทำบ้าง แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถช่วยให้เซลล์ประสาทเกิดความผ่อนคลายหายเครียดได้

Water & Coke น้ำ กับ โค้ก

28 พ.ย.

Water & Coke น้ำ กับ โค้ก

ถ้าคุณรู้เรื่องนี้

คุณจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75%

มีงานวิจัยพบว่าในคน 100 คน     ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลดอาการปวดหลังปวดข้อลงได้

 ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79%

และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%!

 ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ ‘โค้ก’ กันหน่อย  แน่นอนโค้กรสชาดิยอดเยี่ยม

 แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอน ในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา ‘น้ำโค้ก’ ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา

ุ  ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน

ุ  รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก กรดซิตริกในโค้ก จะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด  

ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด

ุ  ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด  ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย

ุ  ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที

 ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล

 การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ

โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด

คุณสามารถผสมโค้กลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี

 น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด

 เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้น เพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า ‘มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย’

 บริษัทขายน้ำโค้ก! ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว

 คุณยังอยากดื่มโค้กหรือดื่มน้ำกันเลือกเอาเอง

บทความนี้ต่อให้คนที่คุณรักและห่วงใยด้วย…….